เครื่องฟอกอากาศยังจำเป็นหรือไม่ เมื่อฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่ปะปนในอากาศ
ใครที่ได้ติดตามข่าวสารเรื่องของสภาพแวดล้อม และมลพิษทางอากาศ คงจะคุ้นเคยกันดีกับชื่อของ ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นจิ๋วที่ลอยปะปนมากับอากาศและเป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้หลายบ้านเลือกที่จะติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศ เพื่อกรองฝุ่นชนิดนี้ให้เหลือเพียงอากาศที่สะอาดเท่านั้น
แต่ปัจจุบันเรื่องของ ฝุ่น PM 2.5 ดูจะกลายเป็นเรื่องที่ถูกลืมและไม่ได้ถูกกล่าวถึงบนสื่อมากนัก เนื่องจากมีอีกหลายสิ่งที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจที่ลอยปะปนในอากาศ ทำให้หลายคนเริ่มรู้สึกว่า เครื่องฟอกอากาศ อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น และอาจจะไม่เพียงพอต่อการจัดการกับมลพิษทางอากาศอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงแล้วเครื่องฟอกอากาศจะยังคงเป็นอุปกรณ์จำเป็นภายในบ้านอยู่หรือไม่? หรือควรลงทุนกับอุปกรณ์ชนิดอื่นเพื่อได้รับอากาศที่บริสุทธิ์มากกว่า? ในบทความนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน
เครื่องฟอกอากาศ ทำงานอย่างไร?
ก่อนอื่นเลยเราเชื่อว่าหลายบ้านไม่ทราบว่าการทำงานของเครื่องที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศนั้นทำงานแบบไหน ทำให้บางครั้งซื้อมาใช้แล้วไม่ได้รับรู้ได้ถึงการได้รับอากาศที่บริสุทธิ์จริงๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่า การทำงานของระบบเครื่องฟอกอากาศนั้นไม่ได้ซับซ้อนมากนัก เพราะจะใช้พัดลมดูดอากาศเข้าไป จากนั้นอากาศก็จะผ่านฟิลเตอร์ที่ทำหน้ากรองและดักจับฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่ไปจนระดับเล็กจิ๋ว เช่น ฝุ่น PM 2.5 ก่อนจะปล่อยเป็นอากาศที่สะอาดออกมาโดยปราศจากฝุ่นละออง เชื้อไวรัส และแบคทีเรีย และที่ราคาของเครื่องฟอกอากาศนั้นแตกต่างกัน ก็เป็นเพราะระบบการทำงานของฟิลเตอร์แต่ละชนิดที่ให้คุณสมบัติในการกรองอากาศที่ต่างกันด้วย
แต่! เครื่องฟอกอากาศ ไม่ได้มีส่วนในการช่วยเติมอากาศบริสุทธิ์ หรือมีส่วนในการป้องกัน ไวรัส หรือต้นเหตุของการเกิดอาการภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก โดยเฉพาะเมื่อใช้เครื่องฟอกที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ในบ้าน ในออฟฟิศ หรือในห้องนอน ทำให้สุดท้ายแล้วอากาศสะอาดมีไม่เพียงพอที่จะกระจายไปทั่วพื้นที่ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ปัจจุบันหลายบ้านเลือกที่จะใช้เครื่องเติมอากาศ เข้ามาแทนที่ด้วยคุณสมบัติในการเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ที่มากขึ้น ทั่วถึงทุกบริเวณ และป้องกันฝุ่นละออง ไวรัส รวมทั้งแบคทีเรีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
เครื่องเติมอากาศ ทำงานอย่างไร?
เครื่องเติมอากาศ มีความแตกต่างในการทำงานกับเครื่องฟอกอากาศอย่างชัดเจน เพราะใช้หลักการเติมอากาศบริสุทธิ์ด้วยระบบความดันบวกเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งอากาศที่ถูกเติมเข้าไปก็มีการผ่านการกรองด้วยฟิลเตอร์ระดับสูงที่กรองได้ทั้งกลิ่น ฝุ่นละออง ไวรัส และแบคทีเรีย โดยเฉพาะเครื่องเติมอากาศจาก Pure Air ที่ถูกออกแบบมาพร้อมประสิทธิภาพในการเติมอากาศบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ด้วยฟิลเตอร์ระดับMedical Grade เทียบเท่าห้องปลอดเชื้อภายในโรงพยาบาล ผ่านการกรอง 6 ขั้นตอน ที่ให้คุณสมบัติดังนี้
- ดักจับ ฝุ่น PM 2.5 ได้มากถึง 99.995% ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอันตราย
- เติมอากาศใหม่เข้าสู่ห้องทั้งครอบคลุมพื้นที่ (สำหรับห้องปิดที่มีการเปิดแอร์) ลดการสะสมของ CO2
- ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียด้วยหลอด UVC
- กรองกลิ่น และไอปรอทด้วย Activated Carbon
- ผลักดันสิ่งสกปรกในอากาศ (รวมทั้งเชื้อไวรัส Covid-19) ออกตามช่องประตู และแทนที่ด้วยอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองของฟิลเตอร์
- ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศลดอาการภูมิแพ้
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานของปอดสำหรับเด็กแรกเกิด ที่ยังมีปอดไม่แข็งแรงลดความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจในวัยเด็ก
- เหมาะกับผู้สูงวัยที่เจ็บป่วยได้ง่าย
- เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ ที่ปอดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจากภาวะที่ถูกเด็กในครรภ์กดทับปอดของแม่
และด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันการลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศ อาจจะไม่เพียงพอต่อความปลอดภัยสำหรับระบบทางเดินหายใจอีกต่อไป แต่การเพิ่มงบประมาณอีกเล็กน้อยเพื่อติดตั้ง เครื่องเติมอากาศ Pure Air ดูจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และตอบโจทย์กับยุคสมัยปัจจุบันได้มากกว่า เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอนาคตอันใกล้นี้จะมีเชื้อไวรัสที่เป็นต้นตอของโรคระบาดลอยปะปนมากับอากาศที่หายใจเข้าไปหรือไม่ ดังนั้นแล้วการลงทุนเพื่อป้องกันย่อมคุ้มค่ากว่าการเสียค่ารักษายามเจ็บป่วยอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่สนใจ เครื่องเติมอากาศ หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ การติดตั้ง และการใช้งาน ก็สามารถสอบถาม หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Pure Air ได้เลย