ฮัดชิ่ววววว อากาศเปลี่ยนทีไรได้ยินเสียงจามไม่หยุดของเด็กๆตลอดเลย เหล่าคุณแม่อาจจะกำลังสงสัยว่านี่จามเพราะเป็นหวัด หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ ถ้าสังเกตุเห็นว่าอาการเหล่านี้มักวนมาทุกครั้งที่เปลี่ยนฤดู เป็นทีหลายๆวันแล้วละก็ให้สงสัยเจ้าภูมิแพ้อากาศไว้ก่อนเลยค่ะ
ภูมิแพ้อากาศ คืออะไร
ภูมิแพ้อากาศ (Seasonal Allergies, Allergic Rhintis, Hay Fever) คือ โรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่ถูกกระตุ้นได้เมื่อมีสิ่งเร้าอย่างเช่น อุณหภูมิ, ความชื้น หรือมีปัจจัยอื่นอย่างเช่น เกสรดอกไม้เล็กๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ดังนั้นอากาศของเด็กๆที่เป็นภูมิแพ้อากาศมักจะหนักในช่วงดอกไม้ผลิ อันที่จริงมีผู้คนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นภูมิแพ้อากาศ และ40% เป็นเด็กๆค่ะ
ระบบภูมิคุ้มกันของคนที่เป็นภูมิแพ้จะมองพวกเชื้อรา เกสรดอกไม้ เป็นเสมือนผู้รุกรานและจะปล่อยสารเคมีที่มีฮีสตามีนเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อไปสู้กับเหล่าผู้รุกราน ซึ่งการปล่อยสารเคมีนี้จะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นมา
ถึงแม้เด็กๆจะไม่เคยแสดงอาการของภูมิแพ้อากาศออกมาเลย แต่หลังจากถูกกระตุ้นมานับปี มันก็อาจจะแสดงอาการออกมาในปีไหนก็ได้ บางคนอาจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ตอนอายุ 10 ขวบ แต่อาการเป็นหนักมาก ตอน 12 ขวบก็เป็นไปได้ แต่ข่าวดีก็คือโดยส่วนมากเด็กๆมักหายจากอาการภูมิแพ้เองเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
Checklist ของอาการของภูมิแพ้อากาศ
- จาม จามบ่อยกว่าปกติ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล ไม่ค่อยรับรู้กลิ่น
- คันจมูก ปาก ตา ผิวหนัง คันคอ ไอ
- ปวดหู หูอื้อ
- ปวดหัว
- น้ำตาไหล (อาจมีอาการตาแดง ตาบวม หรือขอบตาคล้ำร่วมด้วย)
- อ่อนเพลีย ง่วงซึม ไม่สบายตัว
- อาจเป็นลมพิษ
การวินิจฉัย
เบื้องต้นหากคุณแม่พบว่าเด็กๆป่วยเป็นแบบนี้ซ้ำๆกันทุกปี ก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าเด็กๆมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้แน่ๆ ให้คุณแม่หาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไปค่ะ
คุณหมอจะมีคำถามเกี่ยวกับอาการ และช่วงเวลาที่มักพบว่าออกอาการ แต่ถ้าหากคุณแม่และคุณหมอไม่สามารถสิ่งเร้าที่ทำให้เด็กๆมีอาการได้ ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้มาทำการทดสอบค่ะ โดยปกติจะมีวิธีทดสอบอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน
- การหยดสารสกัดบริสุทธิ์จากสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ลงบนผิวหนังเด็กๆ หากสารตัวไหนที่เด็กๆแพ้ก็จะเกิดอาการบวมแดงขึ้นมาค่ะ
- การฉีดสารที่สงสัยว่าเด็กๆแพ้ที่ใต้ผิวหนังเลย (ฉีดแค่นิดเดียวนะคะ ไม่ได้เจ็บเหมือนฉีดยา) หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ถ้ามีตุ่ม บวม แดง คล้ายยุงกัด ขึ้นบริเวณที่ฉีด ก็แสดงว่าแพ้จริงๆค่ะ
การรักษา
อันที่จริงมีหลากหลายวิธีในการรักษาขึ้นอยู่กับความหนัก-เบาของอาการ ที่สำคัญที่สุดคือต้องหาให้เจอว่าเด็กๆแพ้อะไร เด็กบางคนสามารถหายได้หรืออาการดีขึ้นทันทีที่หลีกเลี่ยง หรือกำจัดสิ่งนั้นออกจากชีวิตประจำวัน
ถ้าหากเป็นเฉพาะช่วงฤดูกาลที่ออกอาการ ก็หมั่นปิดหน้าต่างแล้วเปิดแอร์แทน พยายามอยู่ภายในบ้านในช่วงที่มีการฟุ้งกระจายของเกสรดอกไม้ รวมถึงให้เด็กๆล้างมือบ่อยๆ และอาบน้ำทันทีหลังกลับมาจากเล่นข้างนอก การอยู่ภายในห้องความดันบวกก็จะช่วยป้องกันเด็กๆจากฝุ่นละอองทั้งหลายได้เช่นกัน
แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือกำจัดสารก่อภูมิแพ้ได้แล้ว คุณหมอก็จะจ่ายยาที่ใช้รักษาภูมิแพ้อากาศ อย่างเช่น
- ยาแก้แพ้อากาศหรือยาต้านฮีตามีน (Anitihistamines) ที่ช่วยลดการหลั่งฮีสตามีน (สารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้) โดยมีผลทำให้ง่วงซึมได้
- ยาลดน้ำมูก เพื่อลดความดันที่ไซนัส
- ยาสเตียรอยด์ ใช้ลดอาการอักเสบและตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป ซึ่งมักมาในรูปแบบที่พ่นจมูก
**ยาทุกตัวควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์ก่อนแล้วเท่านั้น
แต่ถ้าหากรับประทานยาก็แล้ว หลีกเลี่ยงพวกไรฝุ่นก็แล้ว แต่ก็ยังมีอาการอยู่ดี ก็มีอีกหนึ่งวิธีค่ะ คือ การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Allergy Shots) โดยเป็นการบำบัดภูมิแพ้โดยแพทย์หรือนักภูมิคุ้มกันจะฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย หรือให้ผู้ป่วยอมยาที่ผสมสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้หลายๆครั้ง โดยเริ่มจากเจือจางแล้วเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการแพ้ที่ทุเลาลง หรือหายขาด โดยการรักษาแบบนี้อาจใช้เวลามากถึง 3- 5 ปี และต้องอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญตลอดเวลา เรียกได้ว่าต้องอาการหนักจริงๆ และไม่สามารถทานยาให้หายได้เลย ถึงจำเป็นต้องใช้วิธีแบบนี้ค่ะ
การป้องกัน
วิธีที่ดีและง่ายที่สุดคือหาให้เจอว่าแพ้อะไร และหลีกเลี่ยงค่ะ
แต่ในกรณีที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรรักษาสุขอนามัยของตนเอง ล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำทันทีหลังไปข้างนอกมา รวมถึงการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายนอกอาคาร เพื่อช่วยช่วยป้องกันไม่ให้พวกไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ลอยเข้าสู่ห้องได้ค่ะ