คุณกำลังเกิดอาการเหล่านี้อยู่รึเปล่า ง่วงตอนตื่น หาวทั้งวัน เบลอตลอดเวลา รู้สึกนอนไม่พอ ทั้งๆที่ก็นอนมาครบ 8 ชั่วโมงแล้ว อาการเหล่านี้ไม่ควรปล่อยไว้นะคะ เพราะอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ อย่างเช่น เผลอหลับในที่ประชุม (คงได้มีปัญหากับเจ้านายแน่ๆเลยค่ะ) หรืออาจจะอันตรายถึงขั้นขับรถแล้วเผลอหลับใน อย่าปล่อยให้รอถึงเรื่องที่ไม่ดีเลยค่ะ เราควรรีบสำรวจตัวเองแล้วหาสาเหตุในเร็วที่สุดจะดีกว่านะคะ อันที่จริงสาเหตุของอาการง่วงนอนตลอดเวลา สามารถเกิดได้จากหลากหลายเหตุผล ลองอ่านแล้วสำรวจตัวเองกันดูนะคะ
สาเหตุที่ทำให้รู้สึกง่วงตลอดเวลา
- พฤติกรรมนอนดึก ติดซีรี่ย์ ติดการ์ตูน เรื่องนี้จังเลย รู้ตัวอีกทีก็ตี 2 ตี 3 ไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังต้องตื่นตั้งแต่เช้าไปทำงาน แบบนี้ถึงร่างกายเราจะหนุ่ม-สาวแค่ไหน นานๆไปร่างกายก็งอแงเอาได้นะคะ การหลับพักผ่อนไม่เพียงพอแบบนี้จะส่งผลทำให้รู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งวัน สมองไม่ปลอดโปร่ง ถึงแม้บางคนอาจจะบอกว่านอนดึกแล้วไปตื่นสายเอา แบบนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นค่ะ เพราะนาฬิกาชีวภาพของเราจะผิดเพี้ยน
- สุขภาพจิตแย่ การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองเรา ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย นำไปสู่ความเพลียและง่วงซึมตลอดเวลาได้ค่ะ
- โรคประจำตัว บางโรคก็มีอาการอ่อนเพลียได้ อย่างเช่น
- โรคโลหิตจาง ร่างกายเหนื่อยง่าย เมื่อยล้า เนื่องจากร่างกายขาดธาตุเหล็ก
- โรคเบาหวาน เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดมีปริมาณสูงเกินไป
- ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ที่ต่ำเกินไปจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอกจากนี้ยังมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและน้ำหนักที่ลดลงอีกด้วย
- โรคแพ้กลูเตน เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อโปรตีนกลูเตน มักพบในอาหารจำพวกข้าวสาลี ข้านไรย์ และข้าวบาร์เลย์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากแป้งสาลี หนึ่งในอาการแพ้คือรู้สึกอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารอย่าง ธาตุเหล็ก หรือวิตามินได้เพียงพอ
- โรคกังวลเกินเหตุ (Generalised Anxiety Disorder) ความวิตกกังวลจนกลายเป็นความเคยชิน ทำให้สะดุ้งตื่นกลางคืน หลับๆตื่นๆ ทำให้พักผ่อนไม่เต็มอิ่ม รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียระหว่างวันได้
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด การรับประทานพวกยากล่อมประสาท ยาแก้แพ้ต่างๆ มันจะมีผลข้างเคียงคือทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงซึม แพทย์จึงแนะนำว่าหากรับประทานยาจำพวกนี้ในหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรกล และเนื่องจากเป็นการง่วงแบบไม่เป็นตามธรรมชาติ อาจรบกวนวงจรการนอนแบบปกติ ส่งผลทำให้เวลาตื่นมาไม่รู้สึกสดชื่น หรือง่วงหนักกว่าเดิมอีก
- ความผิดปกติด้านการนอนหลับ (Sleeping Disorder) กล่าวคือเรามีปัญหาจากการนอนหลับ เนื่องจากขณะหลับอาจมีอาการหยุดหายใจ แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก รวมถึงอาการนอนกรน อาการเหล่านี้นอกจากจะส่งผลกระทบกับเราโดยตรงแล้วยังส่งผลทำให้คนข้างๆหลับไม่สนิทไปด้วยอีก
- คุณภาพการนอน (Sleeping Quality) อีกหนึ่งสิ่งที่คุณอาจจะมองข้ามอยู่คืออากาศภายในห้องไม่เพียงพอ เนื่องจากมีคนนอนด้วยเยอะ = ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากเกินไป ส่งผลให้ช่วงกลางดึกออกซิเจนภายในห้องเริ่มไม่เพียงพอ สมองและร่างกายได้รับออกซิเจนไม่พอ ทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มอิ่ม นอนอย่างไม่มีคุณภาพ ตื่นมาจึงยังคงรู้สึกเพลียอยู่ดี
วิธีการแก้ไข
สำหรับการแก้ไข คือเราควรทำให้เร็วที่สุด ทั้งนี้วิธีการก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุของแต่ละคน บางคนอาจจะง่วงนอนเนื่องจาก พฤติกรรม, ความผิดปกติความร่างกาย หรือผลข้างเคียงจากยาที่รับประทานอยู่ สำหรับบางคนที่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เรามีวิธีเบื้องต้นที่อยากแนะนำให้ลองนำไปใช้กันค่ะ
- รู้จักนาฬิกาชีวภาพของตัวเอง งานนี้ต้องให้เวลาทดลองตัวเองสักหน่อยค่ะ ว่าเข้านอน-ตื่นเวลาไหน แล้วทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร้ามากที่สุด โดยเราควรเอาเวลาเข้านอน +8 ชั่วโมง (หรือ7-9 ชั่วโมง) เช่นเข้านอนตอน 4 ทุ่ม ก็ควรตื่น 6 โมงเช้า เราควรนอนอย่างพอดีเพราหากเรานอนเยอะเกินไป (Oversleeping) เกิน 9 ชั่วโมง อาจเพิ่มโอกาสทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หัวใจล้อเหลวเฉียบพลัน และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นเรามานอนแค่พอดีกันนะคะ
- ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในห้องนอน แนะนำให้ลองสังเกตุบางสิ่งที่เราอยากจะมองข้ามไปในห้องนอนเรา เช่น แสงสว่าง เวลานอนเราควรปิดไฟ ทำห้องให้มืดสนิท เพราะแสงสว่างมีผลกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมน, กลิ่นอับจากเสื้อผ้า กองที่อยู่ในห้องนอน, เสียงที่ดังมาจากท้องถนน และหลีกเลี่ยงการทำงานในห้องนอน เพื่อสร้างความคุ้นเคยว่าเมื่อเห็นห้องนอนให้รู้สึกอยากพักผ่อนให้เต็มที่เพียงอย่างเดียว
- หลักเลี่ยงการใช้ยา แอลกอฮอล์ และสารเสพติด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะไปรบกวนการนอนแบบธรรมชาติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่
- ผ่อนคลายความเครียด การทำงานอย่างเข้มข้น อาจทำให้สมองเรายังคงคิดเรื่องงานอยู่ แม้กระทั่งจะกลับบ้านมาแล้วก็ตาม เราควรหากิจกรรมที่เบาสมอง อย่างเช่น การนั่งสมาธิ อ่านหนังสือเบาๆ หากให้ดีคือหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์, แท็ปเล็ต อุปกรณ์สื่อสารต่างๆก่อนนอนประมาณ 30 นาที
- ออกกำลังกาย และลดน้ำหนัก เนื่องด้วยหน้าที่การงาน การใช้ชีวิตของเรา อาจทำให้มีข้ออ้างมากมายในการไม่ออกกำลังกาย และการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือเกินความจำเป็น การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการเผาพลาญ และการรับประอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้ร่างกายไม่ต้องออกแรงในการย่อยมากจนเกินไป
- ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น น้ำคือยาวิเศษที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 80% เพื่อรักษาสมดุลร่างกายตลอดเวลา
แต่ถ้าหากเราทดลองทุกวิถีทางแล้ว ก็ยังคงมีอาการง่วงนอนตลอดทั้งวันทั้งคืนอยู่ดี ทางเราก็ขอแนะนำให้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการนอนของเราอย่างจริงจัง และเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด ความง่วงที่ผิดปกติไม่ความปล่อยไว้นะคะ การหลับที่มากเกินไปก็อันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
นวัตกรรมบ้านหายใจได้
Pure Air คือเครื่องฟอกอากาศภายนอกอาคารที่จะช่วยเติมออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่ห้อง ทำให้ห้องเป็นความดันบวก ดันอากาศเสียที่อยู่ภายในห้องออกไป ทำให้ห้องปลอดฝุ่น ไวรัส กลิ่น รวมถึงมีปริมาณออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่เหมาะสม มั่นใจว่าอากาศที่เติมเข้ามาสะอาดด้วยฟิลเตอร์ถึง 6 ขั้นตอน ฟิลเตอร์HEPA ของAAF ประเทศสหรัฐอเมริกา มีCertificateทุกชิ้น ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย