fbpx

CO2 ตัวร้ายที่เรามองข้าม สาเหตุของความง่วงในห้องเรียน

sleepy-student

แม้ว่าเราจะดูแลตัวเองได้ดีขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่เราก็ยังต้องเจอกับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ในทุกๆวันอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นคือทุกๆวินาทีที่เราหายใจ ยังควบคุมไม่ได้อีกว่าจะสูดเอาอะไรเข้าไป ทั้งฝุ่นพิษ PM2.5 กลิ่นไก่ย่างข้างบ้าน กลิ่นสีในห้อง (ก๊าซVOCs) ยิ่งไปกว่านั้นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2)จากคนข้างๆ! (เราจะห้ามไม่ให้คนอื่นหรือตัวเองหายใจออก ก็ไม่ได้ใช่มั้ยคะ) ขนาดหายใจออกคนเดียวภายในห้องแอร์ก็สามารถสะสมCO2ได้จนน่ากลัวเลยนะคะ แล้วหากเด็กๆ ลูกหลานของเราที่ต้องนั่งเรียนอยู่ในห้องตลอดทั้งวันละ วันนี้แอดมินขอสรุปผลกระทบจากCO2 และช่วงท้ายจะมีวิธีการแนะนำด้วยนะคะ

เข้าใจ CO2 กันก่อน

เห็นเราเกริ่นนำกันซะน่ากลัว จริงๆแล้วก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ (Carbon dioxide) หรือ ที่เราเรียกย่อๆว่า CO2 เป็นก๊าซที่เราหายใจออกมา โดยปกติแล้วธรรมชาติก็จะมีการบำบัดด้วยตัวเอง อย่างต้นไม้ก็จะใช้CO2 ในการสังเคราะห์แสงแล้วปล่อยO2 ออกมาแทน แต่เนื่องจากปัจจุบันการเติบโตของอุตสาหกรรม และภาวะโลกร้อนที่เรากำลังประสบกันอยู่ ทำให้มีปริมาณCO2 มากกว่าปกติ และมากเกินที่ธรรมชาติจะบำบัดได้ทัน Harvard Medical School and the Center for Health and Global Environment เองก็ได้มีงานวิจัยว่าผู้คนมีอาการหอบหืด หรือปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น สัมพันธ์กับการปล่อยCO2 โดยเฉพาะเด็กๆ โดยเป็นข้อมูลช่วงปี 1980-1994 มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มถึง 160%

CO2 ผลกระทบที่คุณอาจคาดไม่ถึง

หากเราคิดถึงตอนเราเรียน เชื่อว่าทุกๆคนจะต้องเคยพบกับประสบการณ์ง่วงซึม (หรือแอบหลับ) ในคาบเรียน ไม่มีสมาธิ บางครั้งก็รู้สึกคิดไม่ออกกับบทเรียน ทั้งๆที่บางคาบอาจจะเป็นวิชาที่สนใจก็ตาม นั้นอาจเป็นเพราะปริมาณCO2 ที่มากเกินไปในห้องเรียน (กรณีนี้ก็เช่นเดียวกับเวลาเราอยู่ออฟฟิตนานๆ แล้วไม่มีกาแฟ)

แล้วปริมาณCO2 ที่เหมาะสมกับกับห้องเรียน หรือห้องทำงานเราควรอยู่ที่เท่าไหร่ละ? คำตอบคือCO2ไม่ควรเกิน 1000 ppmภายในอาคารค่ะ แต่โดยปกติทั่วๆไปแล้วห้องเรียนจะมีค่าCO2 สะสมอยู่ที่ 2500 ppm ค่ะ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเราควรใช้เครื่องตรวจวัดCO2 แต่ถ้าหากเราไม่มีเครื่องวัด ร่างกายเราก็อาจจะส่งสัญญานอยู่ก็ได้นะคะ อย่างรู้สึกง่วงซึมหลังนั่งเรียนไปสักพัก ไม่มีสมาธิในการเรียน วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือการเปิดหน้าต่างค่ะ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดความเข้มข้นCO2 ที่สะสมภายในห้อง (แต่อาจต้องคิดถึงตัวแปรPM2.5 ด้วยนะคะ)

อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงมีคำถามว่าแล้วแบบนี้เราจะทำอะไรได้บ้างละ? ทางเราขอแนะนำว่าหากเราไม่สามารถควบคุม 8 ชม. ที่ลูกหลานเราอยู่ที่โรงเรียนได้ งั้นเราต้องพยายามใช้ 16 ชม. ที่เหลือที่บ้านให้มีคุณภาพมากที่สุดค่ะ

นวัตกรรมบ้านแรงดันบวก

วันนี้แอดมินขอแนะนำ นวัตกรรมบ้านแรงดันบวก หรือนวัตกรรม CAP+ (Clean Air Positive Pressure) ซึ่งเป็นระบบความดันบวกแบบเดียวกับ PureAir  (อ่านเต็มๆ ห้องความดันบวกคืออะไร) พูดกันง่ายก็เราสร้างเกราะป้องกันให้กับบ้านเราโดยการทำให้ห้องเราเป็นความดันบวก ไม่ให้ฝุ่นละออง PM2.5 หรือไวรัส ลอยเข้ามาในห้องได้ รวมถึงการเพิ่มออกซิเจนเข้าสู่ห้อง และผลักCO2 ออก แล้วให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม โดยข้อดีของนวัตกรรมแบบนี้ก็คือ

  • การสร้างสมดุลทางอากาศที่มีผลต่อพัฒนาการด้านสมองและความคิดของเด็กเล็ก โดยมีกระบวนการทำงานที่ดึงอากาศภายนอกเข้ามาภายในบ้าน
  • ลดระดับ CO2 รักษาระดับ O2 เพื่อพัฒนาการสมองและการนอนหลับที่มีคุณภาพ
  • ลด PM2.5 อันส่งผลต่อระบบหายใจและด้านสติปัญญา
  • สร้างสภาวะแรงดันบวก Positive Pressure ป้องกันฝุ่น ไวรัส และแบคทีเรีย