นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมแพทย์ เปิดเผยว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย (เป็นอันดับ 2 ในผู้ชายรองจากมะเร็งตับ และ เป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง) การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง สาเหตุอาจจะยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดดังนี้
ปัจจัยกระตุ้น
- ผู้ป่วยกว่า 90% เคยสูบบุหรี่หรือมีสมาชิกในบ้านสูบบุหรี่
- โดยผู้สูบมีโอกาศมากกว่าคนปกติถึง 10 เท่า รวมถึงคนที่อยู่รวมกับสมาชิกในบ้านที่สูบบุหรี่ (บุหรี่มือ 2) ก็มีโอกาสสูงมากเช่นกัน
- เนื่องจากควันบุหรี่มีสารประกบมากกว่า 4,000 ชนิด และในจำนวนนี้ประมาณ 60 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง ตัวกระตุ้น และตัวส่งเสริม ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้อย่างเช่น ทาร์ นิโคติน คาร์บอนมอนนอกไซต์ เป็นต้น
- นอกจากบุหรี่แล้วพวกยามวน หรือสมุนไพรที่ดัดแปลงขึ้นเองเพื่อสูบก็ปริมาณทาร์และสารก่อมะเร็งสูงมากเช่นกัน
- แร่ใยหิน (แอสเบสทอส)
- เป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น งานก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค ฉนวนความร้อน อุตสาหกรรมสิ่งทอ เหมืองแร่ เป็นต้น
- โดยพนักงานที่ต้องสัมผัสฝุ่นแอสเบสทอสจนเป็นมะเร็งปอดอาจใช้เวลา 15-35 ปี
- กรณีไม่สูบบุหรี่ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า
- กรณีสูบบุหรี่ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 90 เท่า
- มลพิษภายในอากาศ
- ควันพิษจากไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสากรรมต่างๆ
- การเผาหญ้า เผาไร่ เพื่อการเกษตร
- กิจวัตรประจำวันอย่างการจุดธูป, การย่างอาหารด้วยเตาถ่าน,เตาฟืน, ควันจากการเผาขยะ
- ล้วนเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่นจิ๋ว PM2.5
- สาเหตุอื่นๆ
- กรรมพันธุ์ มีคนในครอบครัว ญาติ มีประวัติการเป็นมะเร็ง
- ผู้ป่วยมีประวันติโรคถุงลมโป่งพอง วัณโรค เป็นต้น
อาการของผู้ป่วย
ในระยะแรกผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการอะไร ทำให้ตรวจจับได้ยาก แม้กระทั่งการเอ็กซเรย์ปอดก็อาจจะยังมองไม่ชัด แต่ส่วนใหญ่เมื่อเป็นมากแล้วมักแสดงอาการต่อไปนี้
- ไอเรื้อรัง ไอแห้งๆ นานกว่าปกติ ไอติดกันเกิน 2 สัปดาห์
- ไอเป็นเลือด มีเสมหะปนเลือด
- เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
- ปอดติดเชื้อ มีไข้ต่ำๆ
การวินิจฉัยและตรวจรักษา
ซึ่งจริง ๆ แล้วอาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดอาจพบในโรคอื่นได้ เช่น วัณโรคปอด หากมีอาการสงสัยต้องทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม การวินิจฉัย ทำโดยการถ่ายภาพรังสีปอด (X-ray หรือ CT scan) ร่วมกับการตรวจหาเซลมะเร็งเช่นการตรวจจากเสมหะ หรือการตัดชิ้นเนื้อจากปอดมาตรวจ เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งปอดแน่นอนแล้วแพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติร่วมตัดสินใจ
โดยพิจารณาจากชนิดของมะเร็ง ระยะโรคและการลุกลาม ความแข็งแรงของผู้ป่วยเป็นหลัก สำหรับการรักษามีทั้งการผ่าตัด การใช้ยา การฉายแสง หรือรักษาร่วมกันหลายวิธี
ดังนั้นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเช่นงดสูบบุหรี่ ป้องกันตัวจากการสัมผัสแร่ใยหิน หรือ มลภาวะ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ รีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ
PureAir หวังว่าทุกท่านจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่ประมาท สังเกตุอาการตนเองและคนใกล้ตัวเสมอนะคะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ, หน่วยสารสนเทศมะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์