fbpx

PM 2.5 ทำร้ายลูกน้อยของเราอยู่

PM 2.5 ทำร้ายลูกน้อยของเราอยู่!!

ฤดูกาลของฝุ่นควันใกล้เข้ามาอีกครั้งแล้ว ซึ่งปัญหาฝุ่น PM2.5 นั้นถือเป็นเรื่องปัญหาที่น่าหนักอกหนักใจสำหรับหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งในประเทศไทยเองก็ติดอันดับ 1 ใน 5 ประเทศที่มีปัญหาคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสภาวะภูมิแพ้และร่างกายไวต่อฝุ่นต่างก็ได้รับผลกระทบในชีวิตประจำวันและสุขภาพกันถ้วนหน้า แต่สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วงมากกว่าเดิมเมื่อพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ที่มีร่างกายบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่อย่างเรามาก ซึ่งร่างกายของเด็ก ๆ นั้นจะไม่สามารถต้านทานฝุ่นได้เท่ากับผู้ใหญ่ จึงทำให้มีอาการได้ง่ายและรุนแรงมากกว่าได้โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ โดยอาการที่เกิดจากผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ที่สามารถพบได้ในเด็ก ๆ นั้นมีดังนี้

ฝุ่น PM 2.5 นี้มีอันตรายต่อเด็ก ๆ มาก ๆ เพราะมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมถึง 25 เท่าสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย และทำร้ายระบบต่าง ๆ ในร่างกายของเด็ก ๆ ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วเด็กจะมีอัตราการหายใจสูงกว่าผู้ใหญ่ ทำให้สูดอากาศที่มีมลพิษเข้าไปมากกว่าผู้ใหญ่ และ อัตราการหายใจเข้าต่อนาทีก็ยิ่งถี่มากขึ้นในเด็กที่ยิ่งอายุน้อย ดังนั้นเด็กจึงมีความเปราะบางต่อผลกระทบต่าง ๆ มากกว่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และเมื่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ผ่านเข้าไปในสมองของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดา จะทำให้ฝุ่นเหล่านี้เข้าไปทำลายเซลล์สมอง ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก ๆ ได้ เมื่อสมองไม่ได้ได้รับการพัฒนาอย่างที่ควรก็จะส่งผลไปถึงสติปัญญา การเรียนรู้ ไปจนถึงความเป็นอยู่ ความสามารถในการประกอบอาชีพ และคุณภาพชีวิตในระยะยาวด้วย

ดังนั้นจึงควรดูและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการพาลูกออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  2. เมื่ออยู่ในบ้านให้ปิดประตูหน้าต่างที่บ้าน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าบ้าน
  3. หากต้องออกนอกอาคาร ต้องสวมหน้ากากอนามัย N95 เพื่อปิดปากและจมูก โดยต้องสวมให้ถูกวิธี ซึ่งจะต้องการทำ Fit test ด้วยการกดขอบลวดด้านบนให้แนบกับดั้งจมูก และดึงสายรัดให้ตึง ระหว่างการหายใจต้องไม่มีลมรั่วออกด้านข้าง
  4. งดการจุดไฟเผาขยะหรือเศษใบไม้ ใบหญ้าแห้ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดสาเหตุของปัญหาฝุ่นควัน
  5. เด็ก ๆ ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ภูมิแพ้โรคทางเดินหายใจ ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด คุณแม่ควรพกยาที่จำเป็นติดตัว เพื่อให้เด็กใช้เมื่อมีอาการกำเริบอยู่เสมอ

ระหว่างอยู่ที่บ้านและต้องปิดประตูหน้าต่างตลอดเวลา อาจทำให้อากาศไม่หมุนเวียนและเกิดการสะสมอากาศเสียได้ (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซพิษ กลิ่นเหม็นอับ) ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกไม่สดชื่นได้ ที่สำคัญฝุ่นก็ยังสามารถเล็ดลอดเข้ามาระหว่างเปิดประตูเข้าออกได้ ดังนั้นแล้วการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลอากาศในบ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เครื่องเติมอากาศ หรือ Fresh Air Unit (FAU)  เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่มีเทคโนโลยีระบบความดันบวก เติมอากาศที่ผ่านการกรองด้วยฟิลเตอร์ระดับ HEPA กรองกลิ่น และไอปรอทด้วย Activated Carbon รวมถึงฆ่าเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียด้วย หลอด UVC จะช่วยดันอากาศเสียที่สะสมอยู่ภายในห้องก็ออกไป ป้องกันไม่ให้ PM2.5 และเชื้อไวรัส เข้ามาในห้องที่มีความดันสูงกว่าภายนอก รับรองว่าลูกน้อยของเราจะปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศแน่นอน 99.99% ที่สำคัญคือในห้องจะมีมีออกซิเจนเพียงพอ ปอดแข็งแรง ลดอาการภูมิแพ้ และช่วยให้นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากสุขภาพร่างกายของเด็ก ๆ แข็งแรงแล้ว เมื่อสามารถออกไปเล่นข้างนอกได้อีกครั้ง พวกเขาก็จะพร้อมผจญภัยและเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง